วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

stepfirst


STEPFIRST


เต้นรำเพื่อสุขภาพ และ บุคลิกภาพ

คนเรายิ่งอยู่นาน อะไร อะไร ที่มันเคยตึงเคยเต่งก็หย่อนยานเสื่อมไปตามวัยยกเว้น อย่างเดียวที่ตึงขึ้นคือหู เพราะการได้ยินจะลดลง แต่สำหรับสมองแล้ว ถ้าไม่อยาก หลงหลงลืมลืม ก็ต้องใช้งานให้มากไว้ อย่าปล่อยสมองว่างอยู่เฉยๆ เดี๋ยวจะฝ่อซะ วิธีบริหารสมองวิธีหนึ่งที่นักวิจัยค้นพบว่าช่วยบริหารสมองได้จริงๆ ก็คือการเต้นรำหรือ กิจกรรมเข้าจังหวะ

การเต้นรำ เป็นกิจกรรมที่ทำให้สมองเสื่อมช้าลง เป็นการกระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงสมอง เพราะมีการเคลื่อนไหวของร่างการแทบทุกส่วน และ การจำท่าเต้นรำเป็นการกระตุ้นสมองให้ทำงานเพื่อเต้นให้ถูกท่า และถูกจังหวะ ในผู้สูงอายุที่ไม่ได้ทำอะไรสมองและร่างกายจะเสื่อมไว การขาดกิจกรรมยามว่างของผู้สูงอายุทำให้ความจำเสื่อมเร็วขึ้นด้วย การเต้นรำจึงช่วยได้

ยิ่งไปกว่านี้ การเต้นรำเป็นสิ่งที่มนุษย์ชื่นชอบอยู่แล้ว ในวัยเด็กเมื่อได้ยินเสียงดนตรี จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยจะแสดงพฤติกรรมความพอใจด้วยการใช้ช้อนเคาะโต๊ะ เคาะจาน เมื่อโตขึ้นจะมีการแสดงพฤติกรรมด้วยการขยับแข้ง ขา หรือ ปรบมือตามจังหวะ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกเป็นจังหวะและรูปแบบที่ชัดเจน ดังนั้น การเต้นรำจึงจัดเป็นกิจกรรมสันทนาการอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ผู้เต้นมีความสุข ร่าเริงแจ่มใส ลดความตึงเครียด ช่วยปัญหาด้านสุขภาพจิตได้

นอกจากการเต้นรำจะช่วยด้านสุขภาพดังกล่าวข้างต้นแล้ว การเต้นรำยังช่วยพัฒนาบุคลิกภาพอีกด้านหนึ่ง เช่นการเต้นบัลเลย์และรำไทย ซึ่งจะแก้ไขข้อบกพร้องของลักษณะการเดินให้ส่วยงาม เนื่องจากในการเต้นบัลเลย์และรำไทย จะมีการจัดท่าเต้นให้มีท่าทีที่สง่างาม ผู้ที่เรียนเต้นบัลเลย์และรำไทย จะต้องยืนตัวตรงหน้าเชิด จึงมีผลให้ผู้เรียนมีบุคลิกที่ดี เกิดความมั่นใจและทำให้เป็นบุคคลที่กล้าแสดงออก

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาการเต้นรำหลายรูปแบบ ขึ้นกับจังหวะของดนตรี การเต้นรำแต่ละรูปแบบจะมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว มีทั้งอ่อนช้อย สง่างาม คล่องแคล่วว่องไว และ ความแข็งแรง ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ ความถนัด และ ความเหมาะสมของร่างกายและวัย

การเต้นรำไม่เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อสุขภาพ

ยังให้ความบันเทิง และ เสริมสร้างบุคลิกภาพให้กับผู้เรียนด้วย

ปัจจุบันผู้รักในการเต้นรำที่มีความสามารถ

ยังสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัวได้อีก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น